สมุนไพรอบตัว(สูตรพิเศษ)
สรรพคุณ
ช่วยทำให้ผิวพรรณ สดชื่น ผิวขาวเนียนอยู่เสมอ ช่วยทำให้ระบบการหมุนเวียนของเลือด ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีและลดอาการปวดเกร็งในกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดเข่า เหน็บชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า ลดไขมันส่วนเกิน ปวดตามร่างกาย อาการปวดศรีษะ ไมเกรน *อบได้ทั้งชาย-หญิง (บุคคลธรรมดา) หรือ หลังคลอด*
วิธิใช้
ใช้สมุนไพรครั้งละ 1 วอง ต่อน้ำ 10-15 แก้ว ต้มเือดพอมีไอน้ำจึงใช้อบตัว ประมาณ 15-20 นาที แล้วออกมาพัก และอบต่ออีก 1 ครั้ง ก่อนอบสมุนไพรควรดื่มน้ำก่อน 2-3 แก้ว
การอบสมุนไพร คือ การนำเอายาสมุนไพร มาต้มในน้ำเดือด ให้ไอน้ำพาตัวยาและน้ำมันหอมละเหย มาอบตัวผู้รับการอบสมุนไพร
การออกฤิทธิ์ของตัวยา คือ ตัวยาที่มากับไอน้ำ สามารถออกฤทธิ์กับร่างกายได้หลายระบบพร้อมๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสัมผัสกับตัวยาโดยตรงคือ ผิวหนัง และระบบหายใจ ทำให้ตัวยาสามารถออกฤิทธิ์ได้ทั่งตัวในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากตัวยาไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการของทางเดินอาหารและตับเหมือนยาที่ใช้รับประทาน
ธรรมชาติของผิวหนังจะสามารถดูดซึมยาได้ดีใน 2 กรณี คือ
1.ผิวหนังต้องเปียกชื้น
2.ตัวยาอยู่ในภาวะเป็นน้ำมัน ดังนั้น ก่อนการอบสมุนไพร จึงควรอาบน้ำให้เปียกชุ่มทั้งตัว
ไอความร้อนให้ผลดีต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
1.ต่อระบบประสาท คือ ความร้อนอุ่นๆ (33-37 องศา) ในระยะเวลาที่พอเหมาะ (ประมาณ 10-15 นาที) จะลดความเจ็บปวด คลายเครียด ร่างกายจะผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับได้ดี
2.ต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูก คือ แก้อาการเป็นตะคริว คลายการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดการเจ็บปวด การปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เนื่องจากการทำงานหนัก การเล่นกีฬา ลดการอักเสบของข้อต่อต่างๆของร่างกาย บรรเทาอาการปวดหลัง ปวดคอ ลดอาการเจ็บปวดจาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อเส้นเอ็น ข้อต่อ
3.ต่อระบบการไหลเวียนเลือด คือ ความร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้มาเลี้ยงอวัยวะต่างๆได้มากขึ้น ของเสียในร่างกายจะถูกกระแสเลือดพาไป แล้วขับออกทางผิวหนังได้สะดวกขึ้น ออกซิเจนและอาหารที่มากับเลือดจะเพิ่มขึ้นทั่วร่างกาย หัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย ความดันโลหิตอาจลดลงเล็กน้อย น้ำเหลืองเพิ่มขึ้นทำให้การซ่อมสร้างส่วนที่สึกหรอของร่างกายเป็นไปได้อย่างรวดเร็วทำให้โลหิตระดูมาตามปกติ ลดการปวดเมื่อย ปวดท้อง และอาการผิดปกติในขณะมีรอบเดือน ช่วยขับระดูเน่าเสีย ขับน้ำคาวปลา เป็นต้น
4.ระบบขับถ่ายปัสสาวะและเหงื่อ และการขับถ่ายสารพิษ คือ ทำให้เลือดมาเลี้ยงผิวหนังได้ดี ผิวพรรณเต่งตึงไร้สิวไร้ฝ้า ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน สมานรอยแตกและบาดแผลที่ผิวหนัง
5.ระบบหายใจ คือ ทำให้การหายใจดีขึ้น อากาศเข้าออกได้มากขึ้น (การอบไอน้ำ ถ้าความชื้นมากเกินไปจะทำให้หายใจอึกอัด ต้องให้มีช่องระบายอากาศพอควร) ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น ทำให้เสมหะอ่อนตัว และขับออกมาได้สะดวก ช่วยทำให้ปอดสะอาด และช่วยฆ่าเชื้อโรคภายในปอด ทำให้หายใจโล่ง
ข้อห้ามในการอบสมุนไพร
1.ผู้ที่ไม่ควรอบสมุนไพรคือผู้ที่เป็นโรคดังนี้ :
โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคลมชัก(ลมบ้าหมู) โรคไต ตกเลือด หรือเสียเลือดมากมาก่อน เสียน้ำมาก เช่น ท้องเสีย ออกกำลังกายมาก เป็นต้น
2.สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีไข้สูง
3.สตรีหลังคลอดบุตร ควรอบหลังจากคลอดแล้วไม่น้อยกว่า 30-45 วัน
ข้อควรปฏิบัติในการอบสมุนไพร
1.ควรตรวจวัดความดันโลหิตสูง และชั่งน้ำหนัก ก่อนและหลังการอบสมุนไพร
2.นั่งในห้องอบในท่าที่ผ่อนคลาย ไม่เกร็งตัว
3.ให้ไอน้ำสัมผัสทั่วทั้งตัวอย่างสมำาเสมอ
4.ใช้เวลาอบแต่ละครั้งไม่เกิน 10-15 นาที ออกมาพัก 15 นาที แล้วเข้าไปอบใหม่ 15 นาที ไม่ควรอบเกิน 3 รอบ ควรเว้นช่วงห่างกันไม่น้อยกว่า 5-7 วัน
5.หลังจากการอบสมุนไพรเสร็จแล้ว ควรวับตัวให้แห้ง และนั่งพักในที่อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรนั่งผึ่งลม ประทาณ 20-30 นาที จึงอาน้ำชำระร่างกายได้ตามปกติ
6.หลังการอบสมุนไพร หากมีการอาการอ่อนเพลีย ควรดื่มน้ำอุ่น หรือน้ำส้มคั้น หรือน้ำมะนาวไม่เย็น 1 แก้ว ห้ามดื่มน้ำเย็นทันที
7.ท่านที่อบสมุนไพรเพื่อการรักษาโรค หรือเพื่อลดความอ้อน อาจกำหนดระยะเวลาการอบได้ตามความเหมาะสม แต่ต้องคำนึงการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ของร่างกายที่เกิดขึ้นในระหว่างการอบ ึ่งมีมาก ถ้าอบถี่เกินไป อาจทำให้ร่างกายขาดเกลือแร่ที่สำคัญ และเกิดอันตรายต่อร่างกายได้